ปัจจัยสำคัญ 

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงทั้งในวันศุกร์ (3 พ.ค.) และวันจันทร์ (6 พ.ค.) ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจาก
  1. แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะยังไม่ลดดอกเบี้ย แต่ก็ส่งสัญญาณว่าไม่น่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเช่นกัน รวมถึงจะเริ่มทำการลดวงเงินสำหรับการดูดสภาพคล่องออกจากระบบ
  2. การชะลอตัวลงของตัวเลขการจ้างงาน (การจ้างงานเพิ่มขึ้นอยู่ แต่ไม่เท่ากับช่วงก่อนหน้า) อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างก็ชะลอตัวลงเช่นกัน
  3. การปรับตัวขึ้นของหุ้นที่มีมูลค่าตลาดในสหรัฐฯ เป็นอันดับ 2 อย่าง แอปเปิ้ล (AAPL) ที่ได้ปัจจัยบวกจากการรายงานยอดขายที่ดีกว่าคาด แม้ภาพรวมจะยังชะลอตัวลงอยู่ก็ตาม อีกทั้งแอปเปิ้ลเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในสัปดาห์นี้ และในงาน Worldwide Developers Conference เดือนหน้า ซึ่งตลาดคาดหวังจะเห็นการนำ AI มาประยุกต์ใช้กับสินค้า
• ตลาดหุ้นยุโรป STOXX 600 ปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากผู้กำหนดนโยบายการเงิน ออกมากล่าวว่ามีความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ได้ภายในกลางปีหน้า นอกจากนั้น โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีนี้ของบริษัทใน STOXX600 จากขยายตัว 3% เป็น 6% และเมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น หลังซาอุดีอาระเบียปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบเดือน มิ.ย.
• อิสราเอลได้เริ่มโจมตีที่เมืองราฟาห์ที่อยู่ตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากฮามาสประกาศว่าได้ตกลงยอมรับข้อเสนอหยุดยิงที่ได้รับการไกล่เกลี่ยจากกาตาร์และอียิปต์ เพื่อยุติสงครามในกาซา โดยที่รัฐบาลอิสราเอลระบุว่าจะส่งคณะตัวแทนไปร่วมเจรจาต่อ แต่จะไม่หยุดปฏิบัติการทางทหารในราฟาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อกดดันฮามาสทางทหาร และเพื่อให้ปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล
• ตลาดหุ้นจีน Shanghai Composite ปรับตัวขึ้นได้ดี หลังกลับมาเปิดทำการ โดยแรงหนุนมาจาก การประชุมสำคัญของทางการจีนที่ประกาศเป้าหมายส่งเสริมการปฎิรูป และเปิดกว้างมากขึ้น ในขณะเดียวกันยังได้แนวโน้มการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ดีขึ้นในช่วงวันหยุดยาวของจีนอีกด้วย
• ตลาดหุ้นไทย SET ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ (3 พ.ค.) ตามตลาดในภูมิภาคและแรงหนุนจากการขึ้นของกลุ่มพลังงาน

มุมมองการลงทุนจาก บลจ.กรุงศรี

• จาก Bond Yield ที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เริ่มมีอาการชะลอตัวลงจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในระยะหลังเริ่มออกมาต่ำกว่าคาด เราจึงมองเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก
• สำหรับตลาดหุ้นที่รีบาวด์มาได้ระดับหนึ่งแล้ว เราแนะนำเพิ่มความระมัดระวังในการเพิ่มสถานการณ์ลงทุน โดยในสัปดาห์นี้อาจไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ มากนัก แต่ตลาดมักจะหยิบประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในตะวันออกกลางมาเป็นประเด็นกดดันตลาดได้

สรุปภาพรวมตลาด

• ต่างประเทศ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,852.27 จุด เพิ่มขึ้น 176.59 จุด หรือ +0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,180.74 จุด เพิ่มขึ้น 52.95 จุด หรือ +1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,349.25 จุด เพิ่มขึ้น 192.92 จุด หรือ +1.19%
  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 508.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.69 จุด หรือ +0.53%
  • ดัชนีนิกเกอิ (6 พ.ค.) ปิดทำการเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ
  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,140.72 จุด เพิ่มขึ้น 35.90 จุด หรือ +1.16%
  • ดัชนี S&P BSE Sensex ปิดที่ 73,895.54 จุด เพิ่มขึ้น 17.39 จุด หรือ 0.02%
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 78.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 22.60 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 2,331.20 ดอลลาร์/ออนซ์
• ในประเทศ
  • SET (3 พ.ค.) ปิดที่ 1,369.92 บวก 6.67 จุด (+0.49%) Trading Volume: 37,512.00 ล้านบาท – มูลค่าการซื้อขายน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายมากที่สุดในหุ้นกลุ่มพลังงาน (+1.11%) ตามด้วยกลุ่มธนาคาร (+0.02%) และกลุ่มพาณิชย์ (+0.24%) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,498.11 ล้านบาท
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปิดปรับลดลง 1-3 bps แบ่งตามช่วงอายุ ดังนี้
    • อายุ 1-5 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • อายุ >5-10 ปี ปิดปรับลดลง 1-2 bps
    • อายุ >10 ปีขึ้นไป ปิดปรับลดลง 1-3 bps
    • IRS SWAP ปิดแกว่งตัว 1-4 bps
    • นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 19,781.77 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,143.03 ล้านบาท

• หุ้นทั่วโลก คลิก: KFGLOBAL-A | KFGLOBFX-A | KFWINDX-A
• หุ้นคุณภาพสูงทั่วโลก คลิก: KFGBRAND-A | KFGBRAND-D | KFGBRANSSF | KFGBRANRMF
• ตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดี คลิก: KFSINCFX-A | KFSINCFX-R | KF-CSINCOM | KF-SINCOME | KFSINCRMF